2 ใช้งานร่วมกับ USB 3. 0 และ 3. 1 ได้หรือไม่? USB 3. 2 สามารถใช้งานร่วมกับ USB 3. 0 หรือรุ่นก่อนหน้านั้นได้ เพียงแต่ต้องอัปเดต ฮับ (Hub) สักเล็กน้อย เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสามารถ รับส่งข้อมูล 2 ช่องทาง (Two-Lane Operation) ได้ และยังคงใช้เทคโนโลยี SuperSpeed USB ในการับส่งข้อมูลเช่นเดิม USB 3. 2 สำคัญอย่างไร? เบรด เซาน์เดอร์ส (Brad Saunders) ประธานกลุ่มผู้พัฒนามาตรฐานสายเชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB (USB 3. 0 Promoter Group) กล่าวว่า "เมื่อครั้งที่เราเปิดตัว USB Type-C เราตั้งใจจะรับรองว่าสาย USB Type-C และตัวเชื่อมต่อนั้นได้รับมาตรฐาน SuperSpeed USB หรือ SuperSpeed USB 10Gbps ในการผลิต เพื่อรองรับประสิทธิภาพการทำงานของ USB ที่สูงขึ้น โดยจะพัฒนา USB 3. 0 รุ่นใหม่ต่อไป" "USB 3. 2 จะยกระดับประสิทธิภาพของ USB ขึ้นอีกขั้นหนึ่ง" อย่างไรก็ดี จะมีการประกาศมาตรฐาน USB 3. 2 อย่างเป็นทางการภายในงาน USB Developer Days North America ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือน กันยายน 2017 นี้
0 เรียกว่ามาตรฐานใหม่" USB 3. 1 Gen 2" USB 3. 0 ถูกเปลี่ยนชื่อย้อนหลังเป็น" USB 3. 1 Gen 1" เพื่อให้สิ่งต่าง ๆ มีความซับซ้อนยิ่งขึ้น USB 3. 1 Gen 1 เดิมเรียกว่า USB 3. 0 มีความสามารถในการถ่ายโอน 5 Gbps ที่เรียกว่า SuperSpeed. 1 Gen 2 สามารถถ่ายโอนความเร็ว 10 Gbps - ซึ่งเรียกว่า SuperSpeed + ในทางเทคนิคแล้วจะทำได้โดยใช้การเข้ารหัส 128b / 132b ในโหมดการสื่อสาร full-duplex การสื่อสารแบบฟูลดูเพล็กซ์เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นเพราะนั่นหมายความว่าสามารถถ่ายโอนและรับข้อมูลได้ในเวลาเดียวกัน นั่นเป็นเหตุผลที่มันเร็วกว่า. ความแตกต่างระหว่างคนทั้งสองทำให้สับสนเล็กน้อย แต่ตราบใดที่คุณจำ Gen 2 ได้ดีกว่า Gen 1 คุณก็พร้อมที่จะไป เพื่อช่วยแยกความแตกต่างความเร็วโลโก้ USB-IF ยังใช้โลโก้ซึ่งผู้ผลิตสามารถใช้งานได้โดยผ่านการรับรองเพื่อพิสูจน์ว่าสายเคเบิลตรงตามข้อกำหนดที่สัญญาไว้. 2 นั้นเร็วกว่าและสับสนกว่าเดิม USB-IF เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา USB-IF ได้แสดงรายละเอียดความเร็วใหม่ที่เป็นไปได้สำหรับ USB-C และจุดเริ่มต้นของข้อกำหนด USB 3. 2 USB 3. 2 จะสามารถความเร็ว 20 Gbps นั่นคือความเร็วในการถ่ายโอนที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าของ USB 3.
6 นิ้ว Galaxy Tab S8+ 12.
กลุ่มผู้พัฒนามาตรฐาน USB (USB 3. 0 Promoter Group) ได้ประกาศมาตรฐานใหม่ออกมาแล้ว นั่นก็คือ USB 3. 2 ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ที่จะทำงานร่วมกับ USB-C โดยมีจุดเด่นอยู่ที่รองรับเทคโนโลยี Multi-lane ทำให้ความเร็วในการรับส่งข้อมูลสูงกว่าเดิมถึงเท่าตัว USB 3. 2 คือมาตรฐานใหม่สำหรับ USB-C บทความเกี่ยวกับ USB อื่นๆ อย่างที่เราเกริ่นไว้ในตอนแรกว่า มาตรฐานใหม่นี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำงานร่วมกับ USB-C บางคนอาจจะสงสัยว่าแล้ว microUSB กับ miniUSB ล่ะ ไม่สามารถใช้งานได้เหรอ คำตอบ คือ แนวคิดในการออกแบบพอร์ตนั้นมีความแตกต่างกันมาตั้งแต่แรก microUSB กับ miniUSB ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อระบส่งข้อมูลทั่วไป ในขณะที่ USB-C ถูกพัฒนาขึ้นมาให้ใช้รับส่งข้อมูลได้เป็นจำนวนมาก เหมือนกับพอร์ต Thunderbolt ของ Apple หรือ Displayport, HDMI รวมไปถึง USB 3. 1 ที่เป็นมาตรฐานปัจจุบันของ USB-C ด้วย ความเร็วในการรับส่งข้อมูลของ USB 3. 2 นับตั้งแต่ USB 3. 0 เปิดตัวในปี 2008 ได้มีการเพิ่มความเร็วในการรับส่งข้อมูลสูงสุดที่ 5Gbps ต่อมาในปี 2013 ได้มีการอัพเดทครั้งใหญ่เปลี่ยนเป็น USB 3. 1 ที่สามารถรับส่งข้อมูลสูงสุดที่ 10Gbps ซึ่งภายหลัง USB-IF ผู้ดูแลมาตรฐาน USB ได้ประกาศเปลี่ยนชื่อเรียกดังนี้ USB 3.
2 คือมาตรฐานประสิทธิภาพการใช้งานที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงรายละเอียดส่วนหนึ่งเท่านั้น โดยสเปกแบบจัดเต็มจะมีการเปิดเผยในเดือนกันยายนศกนี้ บทความที่เกี่ยวข้อง