สวมถุงมือยางก่อนเทน้ำยากัดกระจกกลับคืนลงไปในขวด น้ำยากัดกระจกนี้ สามารถนำมาใช้ซ้ำได้อีก ประมาณ 4 ครั้ง หลังจากนั้นก็จะหมดฤทธิ์กัดกร่อน ไม่สามารถนำมาใช้ได้อีก 11. นำกระจกไปล้างน้ำยาออกด้วยน้ำเปล่า โดยให้ล้างทั้งที่ยังมีเขื่อนดินน้ำมันกั้นอยู่ 12. ลอกเขื่อนดินน้ำมัน และติดสติกเกอร์พีวีซีที่ปิดทับบนกระจกออก หมายเหตุ ดินน้ำที่ลอกออกมานี้สามารถนำมาใช้เป็นเขื่อนกั้นน้ำยาซ้ำได้ 3 ครั้ง เท่านั้น หลังจากนั้นจะขาด ความเหนียวและไม่สามรถกั้นน้ำยาได้อีก 13. ล้างกระจกให้สะอาดอีกครั้ง แล้วเช็ดให้แห้งด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์หรือผ้าส ะอาด
ต่อไปเริ่มจากการเตรียมอุปกรณ์อุปกรณ์นะ 1 กระจกขนาดเท่ากับแบบที่จะแกะ 2 กระดาษแบบลายที่จะแกะ 3 sticker แนะนำ ยี่ห้อโกดัก ยี่ห้อดีๆหน่อย ไม่งั้นกาวหนึบหลังลอกออก 4 ด้ามมีด( เป็นด้ามคล้ายดินสอปลายมีที่ไว้สำหรับใส่ใบมีด) กับมีด cutter( หักใบมีดมาใช้) 5 spray กาว 6 ดินน้ำมัน 7 น้ำยากัดกระจก 8 พู่กัน ปล. ด้ามมีดที่เอ่ยในข้อ4 โดยส่วตัวนียมใช้เพราะรู้สึกว่ามันเหมาะมือ หมุนได้ง่ายเวลาแกะลาย แต่จากที่เคยสอน เพื่อนๆ ทำมาบางคนก็ไม่ใช้ ใช้เจ้า cutter เลยก็ได้ วีธีการทำ 1. ทำ ความสะอาดกระจกแล้วติด sticker ลงบนกระจกที่จะแกะลายโดยพยายามให้ไม่มีฟองอากาศ ปิดเลยไปถึงด้านหลังเลยนะค่ะแต่ไม่จำเป็นต้องคลุมด้านหลังหมด แค่กันน้ำยาซึมไหลไปตามขอบไปถึงด้านหลังเท่านั้น 2. เอาลายที่ต้องการจะแกะติดทับไปบนกระจกที่ติด sticker แล้วโดยใช้spary กาว ตามตำแหน่งที่ต้องการ 3. แล้ว ก็มาถึงตอนที่หินที่สุดคือการแกะลายอันนี้ต้องทำความเข้าใจก่อน เริ่มต้นอาจต้องลองกับลายง่ายๆดูก่อนนะ concept มีอยู่ว่าบางครั้งเราจะกรีดเอาเส้นสีดำของลายออก บางครั้งก็เอาสีขาวข้างในลายออก ขึ้นอยู่ว่าผู้แกะต้องการงานออกมาแบบไหน ส่วนที่กรีดออกจะดึง sticker ที่คลุมกระจกออก เมื่อลงน้ำยากจกส่วนนั้นจะถูกกัดเป็นลาย ( ดูภาพประกอบ) 4.
การกัดกระจก การกัดกระจก หมายถึง การใช้น้ำยาเคมี ซึ่งเป็นผลิตผลทางวิทยาศาสตร์มาเคลือบกระจก ทำให้เกิดลวดลายตามที่เราแกะกับแผ่นสติ๊กเกอร์ จะมีลักษณะเป็นล่องลึก และ เป็นฝ้า แล้วแต่น้ำยากัดกระจกที่เราเลือกใช้ การจกเงา หมายถึง กระจกที่มีสารปรอทเคลือบด้านหลัง น้ำยากัดกระจก หมายถึง น้ำยาที่ใช้กัดกระจกมีทั้งชนิดครีมและชนิดน้ำ นำมากัดกระจกเงาให้เป็นฝ้าสีขาว ตามลวดลายที่ต้องการ กระดาษสติกเกอร์ หมายถึง หมายถึง กระดาษที่มีกาวติดด้านหลัง สามารถ ลอกออกมาติดกับกระจกได้ วัสดุอุปกรณ์และวิธีการทำ วัสดุอุปกรณ์ 1. แผ่นกระจกเงา ขนาดกว้าง 6 นิ้ว ยาว 10 นิ้ว ความหนาไม่น้อยกว่า 1 หุน 2. แผ่นสติกเกอร์สี ขนาดให้ใหญ่กว่ากระจกเล็กน้อย 3. น้ำยากัดกระจกแบบฝ้าชนิดครีมและชนิดน้ำ 4. ภาพลวดลายต้นฉบับตามต้องการ (ใช้กระดาษถ่ายเอกสารสติกเกอร์) 5. มีดคัดเตอร์ 6. ก้านสำลี 7. ดินน้ำมันใช้กั้นลวดลาย 8. น้ำยาเช็ดกระจก หรือแอลกอฮอล์ 9. ผ้าเช็ดมือ ขั้นตอนการกัดกระจก นำกระจกเงาที่เตรีมไว้ ล้างและทำความสะอาดให้เรียบร้อย เช็ดให้แห้ง นำแผ่นสติกเกอร์สี ลอกกระดาษหลังออก แล้วนำมาทาบลงบนกระจกด้านเงา รีดอากาศออกให้หมด 2. นำกระดาษลวดลายต้นแบบที่เตรียมไว้ ติดลงบนกระดาษสติกเกอร์ ที่ทาบบนกระจกเงาแล้ว 3.
แบบโพซิ ทีฟ (Positive) เป็นลวดลายที่ส่วนที่เป็นลายจะเป็นสีฝ้าขาวอยู่บนพื้นแก้วใส ทำได้โดยการแกะ สติกเกอร์ ส่วนที่เป็นลวดลายออก แล้วพ่นทรายลงในบริเวณที่เป็นลวดลายนั้น ก็จะได้ลวดลายที่เป็นแบบโพซิ ทีฟ (Positive) 2. แบบ เน กา ทีฟ (Negative) เป็นลวดลายที่ส่วนที่เป็นลายจะเป็นแก้วใสอยู่บนพื้นที่เป็นฝ้าขาวโดยรอบ ทำได้โดยการแกะ สติกเกอร์ ส่วนที่เป็นพื้นรอบนอกออกเหลือไว้แต่ส่วนที่เป็นลวดลายและพ่นทรายลงบนบริเวณรอบ ๆ ส่วนที่เป็นลวดลาย ก็จะได้ลวดลายแบบ เน กา ทีฟ ( Negative)
วิธีถอดแกะฟิล์มกระจก UV ออกจากหน้าจอ | Gadgetzone - YouTube
ประวัติความเป็นมาของกระจกและแก้ว มนุษย์เริ่มรู้จักกรรมวิธีการทำกระจกและแก้วขึ้นมาเมื่อไรและอย่างไรนั้น ไม่เป็นที่ปรากฏแน่ชัด รู้เพียงว่าเมื่อสมัย 3, 000-4, 000 ปี ก่อนคริสต์ศักราช ได้มีการใช้ประจกและแก้วเป็นเครื่องประดับแล้ว และเป็นที่สันนิษฐานกันว่ามนุษย์คงค้นพบกระจกและแก้วโดยบังเอิญ ภายหลังจากที่ก่อกองไฟบนทรายขาวและจากประสบการณ์นี้ จึงเริ่มรู้จักกรรมวิธีในการทำในช่องศตวรรษที่ 1-4 วิธีการผลิตกระจกและแก้วได้แพร่หลายจากประเทศอียิปต์ ผ่านประเทศกรีกเข้าไปในยุโรป หลังจากนั้นได้มีการนำกระจกไปใช้ในการประดิษฐ์แว่นตา (ค. ศ. 1285) กล้องจุลทรรศน์ (ค. 1558) กล้องโทรทัศน์ (ค. 1609) และใช้งานอื่นๆ อีกมากมายแล้ว ความต้องการผลิตจึงมีเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น เทคนิคการผลิต จึงได้มีการพัฒนาให้ก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ จึงถึงปัจจุบัน กรรมวิธีการผลิตกระจกและแก้ว กระจกและแก้วเป็นวัตถุโปร่งแสงหรือกึ่งโปร่งแสง ที่ได้จากการหลอมเหลวออกไซด์ของโลหะต่างๆ เช่น ซิลิกาออกไซด์ โซเดียมออกไซด์ แคลเซียมออกไซด์ และตะกั่วออกไซด์ จนได้เป็นของเหลวเนื้อเดียวกัน แล้วทำให้เย็นลงเป็นของแข็งรูปร่างต่างๆ ที่ต้องการนำไปใช้ประโยชน์ตามความเหมาะสม วัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในการผลิตกระจกและแก้ว 1.
การแกะสลักและเจียระไน กรรมวิธีนี้คือการเจียระไนเป็นลวดลายลึกลงไปในเนื้อแก้ว โดยใช้เครื่องมือเจียระไน ถ้าเป็นกระจกแผ่นเรียบใช้เครื่องเจียรแบบสายอ่อนคล้ายเครื่องกรอฟัน ซึ่งมีหัวหินเจียรแบบต่าง ๆ แกะสลักลวดลายลงบนกระจกเป็นลวดลายตื้นลึกโค้งเว้าตามต้องการ การแกะสลักแบบนี้เหมือนกับการวาดภาพ ขึ้นอยู่กับฝีมือและความชำนาญของคนทำ แต่ถ้าเป็นภาชนะต่าง ๆ เช่น แก้ว ถ้วย ขวด แจกัน ฯลฯ จะใช้หินเจียรแบบจาน เจียระไนแก้วเป็นร่องลึกลงไปเป็นเส้นสายตัดสลับกัน เกิดเป็นลวดลายที่เป็นเหลี่ยมมุมเหมือนการเจียระไนเพชร ซึ่งเรียกภาชนะที่ทำด้วยวิธีนี้ว่า แก้วเจียระไน 2. การพิมพ์ ซิลค์ สกรีน การพิมพ์ ซิลค์ สกรีนเป็นการพิมพ์อย่างหนึ่ง ที่สามารถพิมพ์ลงบนวัสดุได้เกือบทุกชนิดรวมทั้งแก้วด้วย กรรมวิธีนี้เหมาะสำหรับใช้ในการผลิตเป็นจำนวนมาก เช่น การพิมพ์แก้วน้ำ ขวดบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ สีที่ใช้ในการพิมพ์แก้วต้องเป็นสีพิมพ์แก้วโดยเฉพาะ ส่วนใหญ่การพิมพ์แก้วต้องพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ระบบ ซิลค์ สกรีน ซึ่งสามารถพิมพ์ได้หลายสีและพิมพ์บนแก้วรูปทรงต่าง ๆ ได้เป็นจำนวนมาก เมื่อพิมพ์เสร็จแล้วจะต้องนำเข้าเตาอบสีอุณหภูมิสูง เพื่ออบสีให้ละลายติดเนื้อแก้ว สีพิมพ์ที่ผ่านการอบสีแล้วจะติดแน่นทนทานมาก 3.
วิธี ลอกฟิล์มกระจก เอง ง่ายนิดเดียว✓✓ - YouTube