เป็นคนแรกที่ได้ลองทำสูตรนี้ 1 ความคิดเห็น By Bee ・ 4 ปี ที่ผ่านมา ใช่เลยค่ะเป็นคนไม่ชอบทานหอมใหญ่ แต่ก็น่าลองดีนะคะ
นอกจากนี้ยังมีหลักฐานเอกสารเกี่ยวกับเมนูที่เริ่มจะเป็น "บูตะโชงะยากิ" เข้าไปเรื่อยๆ คือหนังสือ "อาหารครอบครัวสี่ฤดู" (四季の家庭料理) ซึ่งตีพิมพ์ในปี พ.
2456 (ปีไทโชที่ 2) มีอาหารที่อาจเป็นต้นเค้าของหมูผัดซอสขิงดังนี้ ก่อนอื่นผู้แต่งได้เขียนคำนำว่า "ข้าพเจ้าชอบกินอะไรอร่อย ๆ ดังนั้นข้าพเจ้าจึงสนใจใฝ่หาวิธีการกินหมูมาหลายปีแล้ว ข้าพเจ้ามีความสนใจในอาหารเมนูเนื้อหมูที่มีอยู่ในญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก รวมถึงอาหารริวกิวและอาหารจีนด้วย และได้ทำการค้นคว้าเอาไว้มากมาย" และก็พบว่าในบรรดาสูตรอาหารเมนูหมูนั้น มี "ผัดขิง" (生姜炒 โชงะอิริ) ด้วย ซึ่งได้บรรยายวิธีทำว่า "หั่น (หมู) สันนอกให้เป็นเส้นแล้วซอยขิงเป็นเส้นเล็กๆ เอาน้ำมันหมูใส่กระทะ ใส่เนื้อ (หมู) และขิงลงผัด ใส่โชยุและมิริน.. " เดี๋ยวนะครับ นี่มันเมนู "(หมู) ผัดขิง" อย่างอาหารจีนนี่ครับ? ปัญหาคือ ด้วยสูตรอาหารแบบนี้ จะสามารถเคลมได้หรือไม่ว่าเมนู "หมูผัด (ซอส) ขิง" มีมาตั้งแต่สมัยไทโชแล้ว? ยังไม่จบแค่นี้ เพราะผู้เขียนคนเดียวกันยังได้ออกตำราอาหารอีกเล่มคือ "อาหารเนื้อหมูสไตล์ทานากะ" (田中式豚肉料理) ในปี พ. 2462 (ปีไทโชที่ 8) ซึ่งมีอาหารที่เรียกชื่อว่า "ทสึเคะยากิ" (附焼) คือเอาเนื้อหมูสันนอกหรือเนื้อหมูที่มันน้อย หั่นบางๆ แช่ลงในโชยุใส่ขิงขูดละเอียด (โอโรชิ) และเอาไปย่างบนตะแกรงลวด แล้วก็ยังมีอาหารชื่อ "โชงะจิริ" (生姜煎 "เจี๋ยนขิง") ซึ่งวิธีทำเหมือนกับ "โชงะอิริ" เรื่องการขูดขิงในโชยุนี่ เริ่มคล้าย "หมูผัดซอสขิง" (บูตะโชงะยากิ) ของร้านเซนิงาตะแล้ว หรือว่านี่จะเป็นต้นเค้าจริงๆ?
พอกระเทียมเริ่มหอมก็เอากุ้งกับพริกแห้งลงไปผัด 3. ใส่น้ำมันหอย และพริกไทยขาวแล้วแต่ชอบพอกุ้งสุกพอสมควรก็เอาใบกะเพราะซอยลงไปผัดแล้วให้จัดใส่จานได้ทันที กุ้งจะเด้งและตัวกะเพราะจะไม่ฉุนเกินไป เพียงเท่านี้เราก็จะได้ ข้าวหน้าหมูผัดพริกไทยดำ และ กุ้งผัดพริกแห้ง มากินกันยั่วๆ แล้ว เห็ไหมว่าไม่ยากเลยสักนิด ไม่รู้เหมือนกันว่าอาหารสไตล์ไทยและสไตล์ญี่ปุ่นแบบไหนจะอร่อยกว่ากัน สงสัยคงต้องวานให้ทุกคนเป็นกรรมการตัดสินเสียแล้ว ที่มาภาพ: Youtube, MSN #กินอะไรดี #อาหารน่ากิน # ข้าวหน้าหมูผัดพริกไทยดำ # กุ้งผัดพริกแห้ง