7 ล้านบาท) 4. 2 รายได้ส่วนบุคคล (เงินเดือน/รายได้จากการลงทุน) กรณีจบปริญญาโทขึ้นไป และมีประสบการณ์การทำงานอย่างน้อย 5 ปี ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย: ปีละ 4 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ (1. 4 ล้านบาท) ในสิทธิประโยชน์หลักจะไม่ต่างกับประเภทอื่นๆ แต่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากรายได้ในประเทศไทย "อัตราเทียบเท่า" กับอัตราภาษีเงินได้ที่ได้รับจากการจ้างแรงงานในพื้นที่เศรษฐกิจภาคตะวันออก แน่นอนว่า การทุ่มสิทธิประโยชน์ให้กับต่างชาติขนาดนี้ รัฐบาลย่อมหวังผลว่าจะช่วยผลักดันให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยวาดฝันไว้ว่า ในระยะเวลา 5 ปี (2565-2569) จะมีเม็ดเงินใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจมากถึง 1 ล้านล้านบาท!! (*สมมติฐาน: เฉลี่ย 1 ล้านบาท/คน/ปี) ขณะที่เม็ดเงินลงทุน 1. 8 ล้านล้านบาท และสร้างรายได้ทางภาษี 2. 5 แสนล้านบาท ทีนี้ย้อนกลับไปในส่วนของสิทธิประโยชน์ขยายเพดานกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมให้มากกว่า 49% หากไปเช็กการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมของต่างชาติในไทย ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้งในแง่มูลค่าและจำนวนหน่วย ในปี 2563 ที่ผ่านมาลดลงไปค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในไตรมาส 2 ที่มีเพียง 1, 162 หน่วย มูลค่า 5, 073 ล้านบาทเท่านั้น เมื่อเทียบสัดส่วนระหว่างคนไทยเอง... ก็ไม่ได้มากอย่างที่หลายคนคิด โดยปี 2563 ในแง่จำนวนหน่วย: ไทย 93.
ในบริบทที่ว่านี้ ผู้เขียนจึงขอพา "คุณผู้อ่านไทยรัฐออนไลน์" มาลองมองอีกมุมมองจากประเทศอื่นๆ เช่น "ญี่ปุ่น" กันดูว่า "ทำไมเขาถึงกล้าให้คนชาติอื่นเข้ามาจับจองซื้ออสังหาริมทรัพย์ในบ้านตัวเอง โดยไม่สนคำครหาเช่นเดียวกับไทยนี้บ้าง? " ผ่าน "กรณีศึกษา" แนวทางและวิธีการที่เป็นไปได้ แต่ก่อนอื่นนั้น... ต้องมาย้อนดูมติคณะรัฐมนตรี (ครม. ) วันที่ 14 กันยายน 2564 อีกครั้ง เพื่อไล่เรียงทีละข้อว่า รายละเอียดที่ถูกพูดถึงกันมาก และกลายเป็นคำกล่าวหา "ขายชาติ" มีเช่นไรบ้าง? การเปิดทางให้ "ต่างชาติซื้อบ้าน" ในไทยได้นั้น เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน เพื่อหวังดึงดูดชาวต่างชาติที่มี "ศักยภาพสูง" ซึ่งเป็นข้อเสนอของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช. ) ที่มีทั้งหมด 7 ข้อด้วยกัน และที่ว่านี้ก็อยู่ในข้อที่ 2 โดยระบุว่า "มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย (มท. ) พิจารณาความเหมาะสมในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดวีซ่าประเภทผู้พำนักระยะยาวใหม่ รวมทั้งข้อยกเว้นและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ (1) ยกเว้นให้ผู้ถือวีซ่าประเภทผู้พำนักอาศัยระยะยาวและวีซ่าประเภท Smart Visa ทั้งหมด ไม่ต้องมีหนังสือแจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบ หากอยู่ในประเทศเกิน 90 วัน ตามมาตรา 37(5) แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.
นั่นทำให้น่าสนใจว่า ในกรณีสำหรับไทยเอง ไม่ว่าจะเป็นในแง่การจัดเก็บภาษี หรือความมั่นคงแห่งชาติ ก็น่านำมาเป็นกรณีศึกษาเช่นกัน. ผู้เขียน: เหมือนพระอาทิตย์ กราฟิก: Varanya Phae-araya ข่าวน่าสนใจ: อ้างอิง: อัตราแลกเปลี่ยน ณ 3 ตุลาคม 2564: 33. 75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ รัฐบาลไทย, การประชุม ครม. 14 กันยายน 2564 [ออนไลน์]. 2564, แหล่งที่มา: [3 ต. ค. 64] REIC, การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติ ทั่วประเทศ ปี 2563 [ออนไลน์]. 64]
2555 ถึง 2559 แต่การด่วนสรุปว่าแรงซื้อจากต่างชาติเพียงลำพังทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงคงไม่ถูกต้องนัก นั่นจึงกลายเป็นโจทย์ของ การศึกษาในอังกฤษและเวลส์ว่า การครอบครองอสังหาริมทรัพย์โดยชาวต่างชาติจะส่งผลอย่างไรต่อราคาบ้านทั่วประเทศซึ่งครอบคลุมระยะเวลาทั้งสิ้น 15 ปี ผลการศึกษาพบว่า การถือครองอสังหาริมทรัพย์ของต่างชาติทำให้ราคาบ้านเพิ่มสูงขึ้นราว 19 เปอร์เซ็นต์ จากที่ราคาเฉลี่ยควรจะอยู่ที่ 174, 000 ปอนด์ (ราว 7. 9 ล้านบาท) แต่ราคาที่พบกลับสูงถึง 215, 000 ปอนด์ (9. 8 ล้านบาท) โดยราคาสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่จะกระจุกตัวอยู่ตามหัวเมืองต่างๆ แต่หลายคนอาจประหลาดใจ เพราะราคาอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นนั้นไม่ได้จำกัดเฉพาะบ้านราคาแพง แต่ยังทำให้ราคาเฉลี่ยโดยรวมเพิ่มขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ราคาบ้านที่เพิ่มขึ้นยังลดอัตราการครอบครองบ้านของคนอังกฤษในพื้นที่ ซึ่งมีนักลงทุนต่างชาติถือครองอสังหาริมทรัพย์เป็นจำนวนมาก เนื่องจากสู้ราคาไม่ไหว สุดท้ายจึงต้องเช่าอาศัยแทนการซื้อ หันกลับมามองที่บ้านเรา ในปี พ. 2562 พบว่าคนไทยทั่วประเทศไม่มีบ้านและที่ดินของตนเองเป็นสัดส่วนสูงถึง 27. 8 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะประชากรตามเมืองใหญ่ต่างๆ เช่น กรุงเทพฯ (57.
2% ของหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติทั้งประเทศแล้ว พบว่า ภาพรวมสัดส่วนในหน่วยกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติทั้งประเทศ ในช่วงปี 2561 – 2563 มีเพียงประมาณ 9. 0% (มูลค่าเท่ากับ 14. 7%) และโดยจังหวัดที่มีสัดส่วนสูงสุด คือ ชลบุรี 30. 3% รองลงมาคือ เชียงใหม่ 18. 5%, ภูเก็ต 17. 0%, กรุงเทพมหานคร 7. 8% และสมุทรปราการ 6. 3% สำหรับจังหวัดอื่นที่ไม่ได้ยกขึ้นมาแสดง มีสัดส่วนในหน่วยกรรมสิทธิ์ห้องชุดน้อยมากอย่างไม่มีนัยสำคัญ ทั้งนี้ หากมองสัดส่วนในกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติในมิติของราคาห้องชุด พบว่าคนต่างชาติส่วนใหญ่ 77. 6% มีหน่วยที่ซื้อและรับโอนกรรมสิทธิ์ในระดับราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท แต่มีสัดส่วนในหน่วยกรรมสิทธิ์ห้องชุดเพียง 7. 7% ของหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดทั้งประเทศ ขณะที่ห้องชุดในราคาเกินกว่า 5 ล้านบาท ซึ่งมีหน่วยที่ซื้อและรับโอนกรรมสิทธิ์รวมกันเพียง 22. 4% กลับมีสัดส่วนในหน่วยกรรมสิทธิ์ห้องชุดสูงกว่า โดยมีประมาณ 20.
ศ. 2522 และให้มีคุณสมบัติของผู้ขอวีซ่า สิทธิประโยชน์ และรายละเอียดอื่นๆ ตามที่เสนอ และ (2) ให้ศึกษาแนวทางการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการถือครองที่ดิน" นั่นเท่ากับว่า ในส่วนการให้ " ต่างชาติซื้อบ้าน " ในไทยได้ กำลังอยู่ในขั้นตอนรอการพิจารณา ซึ่งหากได้รับการแก้ไขและปลดล็อกขึ้นมาจริงๆ เบื้องต้นคาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงสิทธิประโยชน์หลักๆ 3 ข้อด้วยกัน คือ 1. ขยายเพดานกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมมากกว่า 49%, 2. สามารถซื้อบ้านพร้อมที่ดิน มูลค่า 10-15 ล้านบาทได้ และ 3. ขยายสิทธิ์การเช่าอสังหาริมทรัพย์สูงสุด 50 ปี + 40 ปี หรือต่ออายุได้ถึง 90 ปี แต่... คำนิยาม "ต่างชาติ" ที่ว่านี้ ไม่ได้หมายถึงใครก็ได้ เพราะกรอบวางไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าต้องเป็น "ต่างชาติศักยภาพสูง" และ "พำนักระยะยาว" ที่มีคุณสมบัติหลัก 4 ข้อด้วยกัน 1) กลุ่มประชากรโลกผู้มีความมั่งคั่งสูง (Wealthy Global Citizen) 1. 1 ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) หรือลงทุนใน อสังหาริมทรัพย์: ขั้นต่ำ 5 แสนดอลลาร์สหรัฐ (16. 9 ล้านบาท) 1. 2 เงินเดือนหรือเงินบำนาญในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา: ขั้นต่ำปีละ 8 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ (2. 7 ล้านบาท) 1.
4% อยู่ในเมืองท่องเที่ยว คือ ภูเก็ต 78. 8% ชลบุรี 10. 3% และเชียงใหม่ 6. 3% นอกจากนี้ สัญชาติของคนต่างชาติที่เข้ามาเช่าระยะยาว ที่โดดเด่นมี 2สัญชาติ คือ รัสเซีย ที่มีสัดส่วนการเช่าถึง 43. 2% ของการเช่าทั้งหมด และ จีน มีสัดส่วนการเช่าถึง 23.
4% อยู่ในเมืองท่องเที่ยว คือ ภูเก็ต 78. 8% ชลบุรี 10. 3% และเชียงใหม่ 6. 3% นอกจากนี้ สัญชาติของคนต่างชาติที่เข้ามาเช่าระยะยาว ที่โดดเด่นมี 2 สัญชาติ คือ รัสเซีย ที่มีสัดส่วนการเช่าถึง 43. 2% ของการเช่าทั้งหมด และ จีน มีสัดส่วนการเช่าถึง 23.
3 ทรัพย์สิน: ขั้นต่ำ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (33. 8 ล้านบาท) 2) กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ (Wealthy Pensioner) 2. 1 ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) หรือลงทุนในอสังหาริมทรัพย์: ขั้นต่ำ 2. 5 แสนดอลลาร์สหรัฐ (8. 4 ล้านบาท) 2. 2 เงินบำนาญ: ขั้นต่ำปีละ 4 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ (1. 3 กรณีไม่มีการลงทุน: เงินบำนาญขั้นต่ำปีละ 8 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ (2. 7 ล้านบาท) 3) กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย (Work-from-Thailand Professional) 3. 1 รายได้ส่วนบุคคล (เงินเดือน/รายได้จากการลงทุน) ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา: ปีละ 8 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ (2. 7 ล้านบาท) 3. 2 รายได้ส่วนบุคคล (เงินเดือน/รายได้จากการลงทุน) กรณีจบปริญญาโทขึ้นไป/ครอบครองทรัพย์สินทางปัญญา/ได้รับเงินทุน Series A และมีประสบการณ์การทำงาน 5 ปี: ปีละ 4 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ (1. 4 ล้านบาท) โดย 3 กลุ่มแรกนี้ จะได้สิทธิประโยชน์หลัก คือ 1. ให้สิทธิ์ทำงานพร้อมวีซ่า, 2. ให้คู่สมรสและบุตรได้รับวีซ่าผู้ติดตามไปพร้อมกันด้วย และ 3. ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับรายได้จากต่างประเทศ รวมทั้งรายได้ที่นำเข้ามาในปีภาษีเดียวกัน และกลุ่มที่ 4 ผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ (High-Skilled Professional) 4.