อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก วันที่มีผล: 26. 12. 2559 วันที่ประกาศ: 23. 2559 วันที่มีผล: 26. 10. 2559 วันที่ประกาศ: 25. 2559 วันที่มีผล: 15. 2559 วันที่ประกาศ: 14. 2559 วันที่มีผล: 12. 2559 วันที่ประกาศ: 11. 2559 วันที่มีผล: 07. 2559 วันที่ประกาศ: 06. 2559 วันที่มีผล: 04. 2559 วันที่ประกาศ: 03. 2559 วันที่มีผล: 01. 2559 วันที่ประกาศ: 30. 09. 2559 วันที่มีผล: 28. 2559 วันที่ประกาศ: 27. 2559 วันที่มีผล: 09. 2559 วันที่ประกาศ: 08. 2559 วันที่มีผล: 02. 2559 วันที่ประกาศ: 01. 2559 วันที่ประกาศ: 31. 08. 2559 วันที่มีผล: 29. 07. 2559 วันที่ประกาศ: 28. 2559 วันที่มีผล: 21. 2559 วันที่ประกาศ: 20. 2559 วันที่มีผล: 16. 2559 วันที่ประกาศ: 15. 2559 วันที่มีผล: 14. 2559 วันที่ประกาศ: 13. 2559 วันที่มีผล: 06. 2559 วันที่ประกาศ: 05. 06. 2559 วันที่มีผล: 24. 2559 วันที่มีผล: 13. 2559 วันที่ประกาศ: 10. 2559 วันที่มีผล: 30. 05. 2559 วันที่มีผล: 17. 2559 วันที่ประกาศ: 16. 2559 วันที่มีผล: 03. 2559 วันที่ประกาศ: 29. 04. 2559 วันที่มีผล: 27. 2559 วันที่ประกาศ: 26. 2559 วันที่มีผล: 23. 2559 วันที่ประกาศ: 22. 2559 วันที่มีผล: 22.
25% มาอยู่ที่ 7. 12% และปรับลดอัตราดอกเบี้ย MOR ลง 0. 125% มาอยู่ที่ 6. 745% ทั้งนี้ ภายหลังจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้แล้ว จะทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MOR ของธนาคารไทยพาณิชย์ ลดลงมาอยู่ที่ 6. 745% และ อัตราดอกเบี้ย MLR ยืนอยู่ที่ 6. 025% ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในระดับที่ต่ำที่สุดในระบบธนาคารพาณิชย์
12%) ต่อมาในช่วงบ่ายธนาคารกรุงไทยได้ปรับลดอกเบี้ยเป็นธนาคารรายที่สอง โดยนายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ในฐานะธนาคารพาณิชย์ของรัฐ ธนาคารตระหนักถึงความสำคัญของธุรกิจ SME ซึ่งเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงที่กำลังเผชิญกับภาวะความผันผวนของค่าเงินและสงครามการค้า พร้อมทั้งตอบสนองทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย จึงได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อ MOR และ MRR ลง 0. 25% ต่อปี เพื่อช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระให้กับผู้ประกอบการ SME รวมทั้งลูกค้ารายย่อย ให้ประคองตัวและฟื้นตัวจากผลกระทบของสภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2562 เป็นต้นไป ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ย MOR และ MRR ของธนาคารเหลือ 6. 87% ต่อปี จากนั้นในเวลาราว 17. 00 น. ธนาคารกรุงเทพได้เผยแพร่ประกาศลดดอกเบี้ยเป็นรายที่สาม โดยนายสุวรรณ แทนสถิตย์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อเอ็มโออาร์ (MOR) หรืออัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (Minimum Overdraft Rate) และปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อเอ็มอาร์อาร์ (MRR) หรืออัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (Minimum Retail Rate) ลง 0.
00% = 6. 25% พออัตราดอกเบี้ย MRR ปรับลดลงไป 0. 25% ก็จะทำให้ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายลดลงเหลือ 6. 00% เป็นต้น ใครที่กู้ซื้อบ้าน หรือคอนโด จะได้รับประโยชน์เต็มๆ จากดอกเบี้ยที่ลดลง 🌈 ปันโปรสรุปให้ 🌈 อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของแต่ละธนาคาร จะไม่เท่ากันนะ ซึ่ง ไม่จำเป็นเสมอไปว่าดอกเบี้ยอ้างอิง ต่ำกว่า เราจะต้องจ่ายดอกเบี้ยน้อยกว่า เช่น ธนาคาร A อัตราดอกเบี้ย MRR = 7% แต่ช่วงดอกเบี้ยลอยตัวเป็น MRR-1% = 6% ส่วนธนาคาร B อัตราดอกเบี้ย MRR = 7. 25% แต่ช่วงดอกเบี้ยลอยตัวเป็น MRR-1. 50% = 5. 75% จะเห็นว่าธนาคาร B อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงสูงกว่า แต่เงื่อนไขลดดอกเบี้ยในอัตราที่มากกว่า ทำให้จ่ายดอกเบี้ยจริงน้อยกว่านั่นเอง แม้จะอยู่ในช่วงดอกเบี้ยขาลง แต่ในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ก็ ควรมีการควบคุมการใช้จ่ายให้ดี ไม่ใช่เห็นดอกเบี้ยเงินกู้ลดลง ก็ไปธนาคารกู้รัวๆ เลย แบบนี้ก็ไม่ดีน้า ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น และเหมาะสมก็พอจ้าาาา แต่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ปรับลดลง จะ ไม่มีผลต่ออัตราดอกเบี้ยบัตรเดรดิต นะ เพราะเป็นอัตราคงที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงตามอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง เลยทำให้ยังอยู่ที่ 18% เท่าเดิม โดย MilD รักที่จะเรียนรู้ อยู่อย่างมีชีวิตชีวา เพราะไม่ว่าโปรโมชั่นจะอยู่ที่ไหน เราต้องตามหามันให้เจอ <3
ย. 775% / MOR = 7. 425% / MRR = 7. 15% ตัวย่อดอกเบี้ยเงินกู้ หมายถึงอะไร?
125% มีผลวันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป "ในวันนี้ลูกค้าผู้ฝากของธนาคารออมสิน ยังคงได้รับดอกเบี้ยในอัตราเดิมต่อไปอีกเกือบ 2 เดือน โดยธนาคารฯ มีนโยบายที่จะลดดอกเบี้ยเงินฝากให้ช้าที่สุด เพื่อส่งเสริมการออมอย่างต่อเนื่อง จึงขอให้ลูกค้าและประชาชนเร่งมาฝากเงินก่อนที่ธนาคารฯ จะลดดอกเบี้ยเงินฝากในวันขึ้นปีใหม่ 2563 โดยขอแนะนำว่าให้ฝากเงินระยะยาวเพื่อจะได้รับดอกเบี้ยที่คุ้มค่ามากกว่าเมื่อมีการปรับลดในวันที่ 1 มกราคม 2563" **ไทยพาณิชย์ลด ดบ. ทั้ง 2 ขา มีผล 11 พ. นี่้ นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ธนาคารไทยพาณิชย์มีเจตนารมณ์ที่จะช่วยลดภาระต้นทุนในการดำเนินธุรกิจของลูกค้าเอสเอ็มอี และลูกค้ารายย่อย เพื่อสนับสนุนการปรับตัวต่อความท้าทายจากสภาวะเศรษฐกิจไทยที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า และการชะลอตัวของการใช้จ่ายในประเทศ จึงขานรับทิศทางการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง. ) ด้วยการประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ลง 0. 25% มาอยู่ที่ 6. 87% พร้อมกันนี้ ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำลง 0. 25% เพื่อให้สอดคล้องต่อภาวะสภาพคล่องในระบบการเงินในปัจจุบัน ทั้งนี้ทอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MRR และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำใหม่ จะมีผลตั้งแต่วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายนเป็นต้นไป